เด๊อะ E-100 มาพร้อมเกราะที่ขอบ 2 ชั้น และย้ายห้องคนขับไปไหนไม่รู้ ครึ่งบนของtank มีเกราะที่ดีมาก แต่ก็เหมือนtankส่วนใหญ่ คือ เกราะของตัวถึงด้านล่างนั้น อ่อนอยู่ และอาจติดไฟได้ด้วย
ด้านล่างจะมีรูป พร้อมกับสีซึ่งจะบอกว่า พื้นที่ไหนอ่อน โดยใช้สีเขียว เพื่อแสดงว่าเป็นจุดอ่อน และใช้สีแดง เพื่อบอกว่าเป็นจุดแข็ง
เจ้าตุ๊ตะ คันนี้มีเกราะตัวถังด้านบนที่เอียง60องศา ซึ่งทำให้เกราะหนาขึ้น เป็นเท่าตัว
#เขียว เกาะหนา233มิล ปืน Tier8 แทบยิงไม่เข้าเลย
#แดง ตัวถัง หนา400มิล ปืนTier10 ส่วนใหญ่ก็ยิงไม่เข้าน่ะ
#แดง ป้อมหนา289มิล ยังแทบไม่เข้าเลย
*ขนาดหันหน้ามาตรงๆยังยิงไม่เข้าเลย
มุมข้าง ด้านล่างจะหนาประมาณ 300มิล ไม่รู้จะยิงยังไง
ด้านข้างยิงง่าย เจาะเกาะง่าย ก็หลีกเลี่ยงการยิงใส่แถวสีแดงๆ
ด้านหลัง สบายๆ แต่ที่ไม่สบายคือ จะไปด้านหลังมันยังไงหล่ะ
ในเดือนมิถุนายนปี 1943 บริษัท adlerwerke ได้รับการสั่งผลิต และพัฒนา E-100 ขึ้นมา แต่ในปี 1944 การพัฒนาถูกยกเลิกไป (สงครามกำลังจะจบ) ซึ่งสร้างได้แค่เพียงตัวถัง ต่อมาถูกจับกุมโดยกองทัพอังกฤษ
ในนามรถทั้งคันสุดท้ายของตระกูล E ... E-100 ถ้าเทียบกับ Maus แล้ว มันมีความคล่องตัวสูงกว่า/เกราะบางกว่า และติดตั้งปืนที่แรงกว่า/มีค่าการเจาะเกราะที่น้อยกว่า เวลาบรรจุกระสุนนานกว่า
(เกมส์) (เกมส์) (เกมส์) (เกมส์) (เกมส์) (เกมส์) (เกมส์) (เกมส์) (เกมส์) (เกมส์) (เกมส์)
ในเดือนมิถุนายนปี 1943 บริษัท adlerwerke ได้รับการสั่งผลิต และพัฒนา E-100 ขึ้นมา แต่ในปี 1944 การพัฒนาถูกยกเลิกไป (สงครามกำลังจะจบ) ซึ่งสร้างได้แค่เพียงตัวถัง ต่อมาถูกจับกุมโดยกองทัพอังกฤษ
ในนามรถทั้งคันสุดท้ายของตระกูล E ... E-100 ถ้าเทียบกับ Maus แล้ว มันมีความคล่องตัวสูงกว่า/เกราะบางกว่า และติดตั้งปืนที่แรงกว่า/มีค่าการเจาะเกราะที่น้อยกว่า เวลาบรรจุกระสุนนานกว่า
ข้อดี
- มีเกราะหนา รอบคัน
- มีเลือดเยอะเป็นอันดับ 2 รองจาก Maus
- มีเกราะกำบังตีนตะขาบ
- มีปืนที่แรงที่สุด คือ 750 (เป็นอดีตไปแล้ว)
- เลือกปืนได้ 2 แบบ
- ปืนสามารถกุ้มลงได้พอสมควร
- ชนแรง
- ที่เตี้ยๆจะยิงในระยะไกล้ๆไม่ได้ (กระสุนจะเด้งออก)
ข้อเสีย
- มีขนาดใหญ่ อัตราจรมักเล็ง
- ตัวถังด้านหน้าติดไฟได้ง่าย
- ปืนยิงให้ข้าศึกติดไฟได้น้อย
- มีจุดอ่อนที่ด้านล่างของตัวถัง ซึ่งปืนเทียร์ 8 ก็อาจจะยิงทะลุได้
อุปกรณ์เสริม
ประสิทธิภาพ
E-100 ติดตั้งปืนที่มี ความรุนแรง สร้างความเสียหายได้มากคือ 750/750/950 มันสามารถเจาะเกราะได้น้อย นั้นเป็นปัญหาใหญ่ในการต่อสู้กับชั้น 10 (X) แต่อาจเปลี่ยนไปใช้กระสุนแบบ HEAT ก็ได้
E-100 เป็นะฟืาที่ช้าเป็นอันดับ 2 ในเกม เกราะเหมือนจะดีพอๆกับ Maus แต่ตัวถังด้านล่างนั้น บาง ซึ่งปืนเทียร์ 8 ก็อาจจะยิงทะลุได้ ดังนั้นผู้เล่นต้องป้องกันส่วนนี้ให้ดีที่สุด อาจจะหลบอยู่ในหลุมหรืออยู่ในที่ที่มีกำแพงป้องกัน
E-100 มีความคล่องตัวมากกว่า Maus แต่มีเกราะที่บางกว่าไม่มากนัก เริ่มแรก E-100 และ Maus ใช้ปืนเหมือนกันคือ 12.8 เซนติเมตร แต่จะสามารถวิจัยปืนได้อีก คือ 15 เซนติเมตร ซึ่งมีความแรงมากถึง 750HP แต่ว่าต้องแลกมาด้วยการที่เจาะเกราะน้อยลง และมีความแม่นยำน้อยลงด้วย
E-100 มีจุดอ่อนที่ตัวถังด้านล่าง ยิ่งไปกว่านั้น มันสามารถติดไฟได้ง่าย เพราะเป็นห้องเครื่อง ปืนของมันเคยเป็นปืนที่แรงที่สุดในเกมแต่ต่อมามีเทียร์สูงๆมากขึ้น เลยมีปืนที่แรงกว่าแล้ว
นอกเหนือจาก Maus แล้ว ... E-100 ถูกๆออกแบบให้เป็นอีกทางเลือกในการรบ สร้างโดยบริษัท heereswaffenamt เริ่มก่อสร้างในปี 1943 จนกระทั่ง 1944 ฮิตเลอร์ได้สั่งหยุดพัฒนาเพราะไม่มีวัตถุดิบ แต่ว่ายังคงมีการสร้างต่อไป แต่ลดความสำคัญลง โดยใช้คนเพียง 3 คน และสร้าง E-100 เกือบสมบูรณ์ ซึ่งขาดเหลือเพียงป้อมปืนเท่านั้น
เครื่องยนต์
ในตอนแรก E-100 ใช้เครื่องยนต์ของ Tiger II แต่ว่ายังมีกำลังไม่พอ E-100 มีน้ำหนักมากถึง 140 ตัน จึงเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ที่แรงกว่า คือ เครื่องยนต์ Maybach HL234 ซึ่งมีกำลัง 800HP มันดีกว่าเครื่องยนต์ Tiger II อยู่ 100HP เท่านั้นจึงเปลี่ยนเครื่องยนต์อีกครั้ง มาใช้ Diamler-Benz diesel ซึ่งให้กำลังสูงถึง 1000 HP
ปืน
ในช่วงแรก E-100 พัฒนาให้ใช้อาวุธปืนขนาด 12.5 cm แต่ยังคงถูกพัฒนาต่อ ให้ใช้ปืน 15 เซนติเมตรได้ และยังคงพัฒนาต่ออีก ให้ใช้ปืนขนาด 17 เซนติเมตร แต่ว่ายังพัฒนาไม่สำเร็จ
ย้อนประวัติศาสตร์
แปลนการก่อสร้าง E-100 |
ล้อ E-100 |
E-100 ใส่ตีนตะขาบแล้ว |
E-100 อยู่บนรถเคลื่อนย้าย |
E-100 |
สุดท้าย E-100 ก็ไม่มีป้อมปืน |